คุณพ่อค้าแม่ค้าหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเพจของตัวเองที่มีคนกดไลค์ตั้งเยอะตั้งแยะ ถึงมีคนเห็นโพสต์ (Reached) จริงๆ น้อยเหลือเกิน แถมแต่ละโพสต์ยังมียอด Like, Comment, Share น้อยเข้าไปใหญ่ แต่ไม่ต้องตกใจนะคะปัญหานี้เป็นกันทุกคน และที่สำคัญคือมันมีวิธีแก้ไขค่ะ วันนี้พิมเพลินเลยขออาสาเอาวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มจำนวนคนเห็นโพสต์ให้คุณพ่อค้าแม่ค้าได้แบบฟรีๆ มาฝาก แต่ก่อนอื่นพิมเพลินขออธิบายระบบการคำนวณของเฟสบุ๊คเพื่อเลือกแสดงโพสต์แต่ละโพสต์ก่อน เพื่อให้คุณพ่อค้าแม่ค้ารู้และเข้าใจวิธีแก้ปัญหาได้ดีขึ้นค่ะ
คะแนนของโพสต์ (Edgerank) และการคำนวณ
โพสต์แต่ละโพสต์บน เฟสบุ๊คจะมีคะแนนของตัวเองค่ะ และคะแนนนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าจะมีคนเห็นโพสต์ของคุณกี่คน และมีใครบ้าง โดยทางเฟสบุ๊คจะคำนวณคะแนนให้โพสต์จากปัจจัยสามอย่าง คือ
Affinity – ความใกล้ชิดระหว่างเพจของคุณกับแฟนๆ
เฟสบุ๊คจะดูว่าแฟนแต่ละคนมีปฏิสัมพันธ์กับเพจของคุณมากน้อยแค่ไหน ถ้าเขาเคยมา Like, Comment, Share โพสต์ในเพจของคุณเยอะ โอกาสที่โพสต์ของคุณจะไปแสดงบนหน้า Newsfeed ของแฟนคนนั้นก็จะสูงขึ้นตามค่ะ
Weight – น้ำหนักของโพสต์
เฟสบุ๊คจะให้น้ำหนักกับโพสต์แต่ละชนิดไม่เท่ากัน โดยจะให้น้ำหนักจากมากไปหาน้อยดังนี้ค่ะ
- รูปภาพ/วิดีโอ (วีดีโอที่สร้างบนเฟสบุ๊คไม่ใช่วิดีโอจาก YouTube นะคะ)
- ลิงก์
- ข้อความ
นอกจากนี้ โพสต์ที่มีการ Like, Comment, Share เยอะๆ ก็จะถือว่าเป็นโพสต์ที่มี Weight เยอะด้วยค่ะ
Time Decay – ความใหม่ของโพสต์
โพสต์บนเฟสบุ๊คนี้คล้ายอาหารเลยค่ะ ยิ่งอยู่มานานมากเท่าไหร่ความสดใหม่ก็จะยิ่งลดน้อยลง เพราะฉะนั้นนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงไม่เห็นโพสต์เก่าๆ จากปีที่แล้วบนหน้า Newsfeed ของเรา
แต่อย่าลืมนะคะว่าค่าของทั้งสามอย่างต้องเอามาคำนวณด้วยกัน เพราะฉะนั้นโพสต์ที่มีแต่ข้อความ (ที่เฟสบุ๊คให้ค่าน้ำหนักน้อยกว่าแบบอื่น) ที่ดึงดูดให้คนกด Like กด Share ได้มากๆ ก็สามารถมีคนเห็นเยอะกว่าโพสต์รูปที่ไม่น่าสนใจก็ได้ค่ะ
เพิ่มจำนวนคนเห็นโพสต์ยังไง?
เมื่อรู้แล้วว่าเฟสบุ๊คมีวิธีการเลือกโชว์โพสต์ยังไง เราก็มาดูกันดีกว่าว่าจะเพิ่มคะแนนของโพสต์ หรือ Edgerank ยังไง
1. โพสต์คอนเทนต์น่าสนใจ
คอนเทนต์น่าสนใจในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงคอนเทนต์ข่าวดาราหรืออะไรนะคะ แต่หมายถึงคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดให้แฟนๆ ของเพจอยากกด Like, Share, Comment ซึ่งถ้าคุณเป็นเจ้าของเพจร้านค้าก็ควรจะโพสต์คอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าที่น่าสนใจ เช่น แทนที่จะเขียนข้อความอธิบายสินค้าตรงๆ ก็ลองพูดในเชิงให้ความรู้ สมมติคุณพ่อค้าแม่ค้าขายครีมหอยทาก ก็อาจเล่าเรื่องเกี่ยวกับหอยทากที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน เช่นความเป็นมาของการนำเมือกหอยทากมาใช้ แค่นี้คนก็จะสนใจ อยาก Like อยาก Share ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าความใกล้ชิด (Affinity) และน้ำหนัก (Weight) ได้ง่ายๆ
2. โพสต์รูปภาพหรือวิดีโอ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเฟสบุ๊คให้ค่าโพสต์แต่ละประเภทแตกต่างกัน โพสต์ที่เป็นภาพหรือเป็นวิดีโอ (ที่อัปโหลดบนเฟสบุ๊ค) จะมีค่าน้ำหนัก (Weight) มากกว่าโพสต์ชนิดอื่น รู้อย่างนี้แล้วคุณพ่อค้าแม่ค้าก็อย่าลืมหารูปภาพสินค้าสวยๆ หรือวิดีโอรีวิวน่ารักๆ มาให้แฟนๆ กด Like กันนะคะ
3. สื่อสารกับลูกเพจ
หมั่นคุยกับแฟนเพจผ่านกล่องคอมเมนต์และอินบ็อกซ์ ยิ่งถ้าเขาทักมาก่อนก็อย่าพลาดโอกาสที่จะตอบ เพราะนี่จะทำให้เฟสบุ๊คเห็นว่าเราสนิทกับแฟนๆ ของเพจเรา และจะช่วยเพิ่มค่าความใกล้ชิดให้แต่ละโพสต์ของเรา เท่ากับเพิ่มโอกาสที่แฟนๆ ของเพจจะเห็นโพสต์ค่ะ
4. โพสต์ตั้งคำถามให้ลูกเพจตอบ
โพสต์แบบนี้ถือว่าได้สองต่อเลยค่ะ เพราะเมื่อลูกค้าคอมเมนต์คุณก็สามารถไปตอบลูกค้าได้ หมายความว่าจะได้ทั้งค่าน้ำหนัก (Weight) จากการคอมเมนต์ และค่าความใกล้ชิด (Affinity) จากการพูดคุยโต้ตอบกัน และถ้ากลัวจะตกหล่นหรือตอบช้า (อย่าลืมนะคะว่าโพสต์แต่ละโพสต์มีคะแนนความใหม่ ถ้าตอบคอมเมนต์ช้าไปเกิน 1 วันก็ไม่มีความหมายแล้ว) คุณพ่อค้าแม่ค้าอาจใช้ระบบ Page365 ที่คอยเก็บคอมเมนต์และข้อความจาก เฟสบุ๊ค มาแสดงในที่เดียวเลย หรือจะใช้ระบบตอบกลับอัตโนมัติเพื่อตั้งคำตอบเวลามีลูกค้าถามคำถามยอดฮิตก็ได้ค่ะ
5. ใส่ข้อความขอให้ Like, Share, Comment ไปในโพสต์
ถึงจะตรงไปหน่อย แต่นี่เป็นวิธีเพิ่มคะแนนของโพสต์ที่ใช้ได้ดีมากๆ เลยนะคะ ถ้าคุณพ่อค้าแม่ค้ารู้สึกลำบากใจ ไม่รู้จะเขียนยังไงดี พิมเพลินอยากแนะนำให้เขียนแบบน่ารักๆ เป็นกันเอง แฟนๆ จะได้ไม่รู้สึกว่าโดนสั่งหรือโดนบังคับค่ะ
6. เลือกเวลาโพสต์ให้ถูกต้อง
การเลือกเวลาโพสต์ก็มีส่วนสำคัญมากๆ ต่อการเห็นของแฟนๆ นะคะ ลองนึกง่ายๆ โพสต์ที่โพสต์ตอนตีสามขณะที่ทุกคนนอนหลับ กับโพสต์ที่โพสต์ตอนหกโมงเย็นขณะที่ทุกคนกำลังนั่งรถติดอยู่ แน่นอนว่าโพสต์หกโมงเย็นจะต้องมีคนเห็นมากกว่าแน่นอน เพราะมีจำนวนคนออนไลน์เยอะกว่า แต่เรื่องเวลาออนไลน์ของลูกเพจนี่ก็แล้วแต่เพจนะคะ แฟนๆ ของบางเพจอาจจะออนไลน์ดึกกว่าปกติ คุณพ่อค้าแม่ค้าสามารถดูวิธีการเลือกเวลาโพสต์ได้ที่นี่เลยค่ะ
วิธีที่เล่ามาทั้งหมดนี้ พิมเพลินมั่นใจว่าคุณพ่อค้าแม่ค้าทุกคนสามารถทำได้แน่นอน และอย่าลืมนะคะว่าสิ่งที่สำคัญกว่าการดึงคนเข้าเพจ คือการรักษาคนเหล่านั้นเอาไว้ให้เป็นลูกค้าของคุณต่อไป ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณมีการจัดการเพจที่ดี การใช้ระบบจัดการร้านค้าบนเฟสบุ๊คและไลน์ของ Page365 ก็จะช่วยให้การจัดการเพจมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ง่ายๆ เลยล่ะค่ะ 🙂
หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี
หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นกับ Page365 หรือ ทำไมเราถึงฟรี?
Comments are closed.