รีวิว: ร้านออนไลน์ลงโฆษณาเฟสบุ๊คแบบไหนดีที่สุด

โฆษณาเฟสบุ๊คถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่จะตัดสินว่าร้านค้าของคุณจะรุ่งหรือร่วงเลยก็ว่าได้นะคะ พิมเพลินเชื่อว่าคุณพ่อค้าแม่ค้าหลายๆ คนต้องเคยผ่านการลองลงโฆษณาเฟสบุ๊คมาแล้ว บางคนอาจจะเคย Boost Post หรือบางคนอาจจะลงโฆษณาแบบหมุนเพื่อโชว์สินค้า แต่คำถามที่พิมเพลินมักจะเจออยู่บ่อยๆ สำหรับคนที่อยากลงโฆษณาเฟสบุ๊คก็คือ ‘ลงแบบไหนดี?’ หรือไม่ก็ ‘ลงแบบไหนถึงจะคุ้มที่สุด?’ก่อนจะตอบคำถามนี้ได้ เราต้องมารู้จักโฆษณาแบบต่างๆ กันก่อนค่ะ

 

รูปแบบของโฆษณาเฟสบุ๊คแตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ของการโฆษณา

1. โฆษณาเพื่อส่งคนไปหน้าเว็บไซต์ (เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าที่ใช้ระบบ Page365 ที่แถมหน้าร้านออนไลน์บนเว็บไซต์ให้)

1.1 โฆษณาเว็บไซต์
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค

Ads-Type-Domainโฆษณาแบบนี้จะให้คุณพ่อค้าแม่ค้าใส่ลิงก์ร้านค้าของตัวเองลงไป จากนั้นก็เขียนหัวข้อ และคำอธิบายค่ะ ซึ่งลูกค้าจะสามารถเข้าใจได้ง่ายว่าร้านของคุณเป็นร้านอะไร แต่ข้อเสียคือการลงโฆษณาแบบนี้อาจจะกว้างไปสักนิดสำหรับร้านค้าออนไลน์ ไม่น่าดึงดูดใจ และแสดงในตำแหน่งที่ไม่ค่อยดี ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายไม่มากนัก (วัดจากจำนวนการคลิกเข้าชมเว็บ) แต่ก็ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ

 

1.2 โพสต์ลิงก์
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค, หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-Page-Post-Link

 

 

โฆษณาแบบโพสต์ที่มีลิงก์แนบ ก็ถือว่าเป็นโฆษณาที่ดึงดูดความสนใจได้ดี และมีพื้นที่ให้เขียนข้อความเพื่อดึงดูดใจเยอะ นอกจากนี้ยังดูไม่เหมือนโฆษณาอีกด้วยซึ่งทำให้คนอยากกดมากขึ้น แต่การลงโฆษณาแบบนี้จะมีข้อเสียสำหรับคุณพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้มีหน้าเว็บที่มีเนื้อหาหรือรายละเอียดน่าสนใจแบบในรูปค่ะ

 

 

 

1.3 โฆษณาแบบหมุน
แสดงที่: หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-Multi-Product2

 

โฆษณาแบบนี้ทำให้คุณพ่อค้าแม่ค้าสามารถโชว์สินค้าได้ทีเดียวพร้อมกัน ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะสำหรับร้านค้าออนไลน์ เพราะนอกจากมันจะน่าสนใจแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าร้านคุณมีสินค้าที่หลากหลาย แต่ข้อเสียคือคุณแม่ค้าต้องมีรูปสินค้าที่สวยดึงดูดใจจริงๆ และต้องมีหน้าเว็บไซต์สำหรับให้ลูกค้ากดเข้าไปเลือกซื้อสินค้าด้วย แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าคุณพ่อค้าแม่ค้าใช้ระบบ Page365 อยู่ เท่ากับว่าคุณมีหน้าเว็บของตัวเองแล้วและสามารถเอาลิงก์ Page365 Store ของคุณไปใส่ตอนทำโฆษณาได้เลยค่ะ

 

 

 

2. โฆษณาเพื่อเรียกปฏิสัมพันธ์จากแฟนเพจ (Engagement)

2.1 โฆษณาเพจ
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค, หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-Page-Like

 

โฆษณาแบบนี้เป็นโฆษณาเรียกไลค์ให้เพจของคุณค่ะ ซึ่งพิมเพลินว่าไม่จำเป็นและค่อนข้างสิ้นเปลือง เพราะลูกค้าจะไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับร้านค้าของคุณเลยนอกจากคำอธิบายสั้นๆ ที่คุณเขียน กับรูป Cover ในขณะเดียวกัน “ไลค์” ไม่ใช่สิ่งสำคัญและเป้าหมายของร้านออนไลน์ แต่เป็น “ยอดขาย” ต่างหาก เพราะฉะนั้นเราควรเอาเงินค่าโฆษณาไปใช้ให้เกิดการ “ซื้อ” จะดีกว่านะคะ

 

2.2 โฆษณารูปภาพ
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค, หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-Page-Post-Photo

 

 

โฆษณาแบบนี้จะโชว์ภาพ 1 ภาพให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณค่ะ โดยข้อดีก็คือคุณสามารถเลือกรูปสินค้าสวยๆ มาแสดงได้ แต่ข้อเสียคือมันจะแสดงได้รูปเดียว และถ้ามันไม่น่าสนใจพอคนก็จะเลื่อนผ่านไปเลย นอกจากนี้ มันยังไม่มีปุ่มบอกว่าลูกค้าควรจะทำอะไรต่อด้วย (เช่น ปุ่มให้กดไลค์เพจ หรือปุ่มให้สั่งซื้อ) ก็มีความเป็นไปได้น้อยที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าจากร้านคุณผ่านโฆษณาแบบนี้ค่ะ

 

 

2.3 โฆษณาวิดีโอ
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค, หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-Page-Post-Video

 

วิดีโอเป็นสื่อที่มีเปอร์เซนต์ได้รับการโชว์มากที่สุดบนเฟสบุ๊ค (แต่ต้องเป็นวิดีโอที่อัพโหลดผ่านเฟสบุ๊คเท่านั้นนะคะ) และการลงโฆษณาเป็นวิดีโอก็เป็นวิธีที่น่าสนใจมากเพราะแม่ค้าสามารถคุยกับลูกค้าได้มากกว่าผ่านเนื้อหาที่เป็นข้อความ แต่ข้อเสียก็คือคุณพ่อค้าแม่ค้าต้องทำวิดีโอของตัวเองให้น่าสนใจพอที่จะดึงดูดให้ลูกค้ากดดู และให้ดูต่อไปเรื่อยๆ ไม่เบื่อ พิมเพลินคิดว่าการโฆษณาแบบนี้อาจจะเหมาะกับการใช้นายแบบหรือนางแบบมาโฆษณาสินค้า หรือการทำเนื้อหาที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อาจจะไม่คุ้มกับการลงทุนเท่าไรค่ะ

 

2.4 โฆษณาข้อความ
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค, หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-Page-Post-Text

 

โฆษณาแบบนี้ไม่ต่างอะไรไปจากการลงเงินเพื่อโชว์สเตตัสที่คุณพ่อค้าแม่ค้าโพสต์บนหน้าเพจของตัวเองเลยค่ะ สำหรับพิมเพลิน พิมเพลินคิดว่าเป็นการโฆษณาที่ไม่ดึงดูดที่สุด มีโอกาสที่ลูกค้าจะเลื่อนผ่านโดยไม่ได้อ่านสูงมาก

 

 

3. โฆษณาเพื่อให้คนร่วมอีเว้นท์หรือรับข้อเสนอ

3.1 อีเว้นท์
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค, หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-Event

 

โฆษณาแบบนี้คือการโฆษณางานอีเว้นท์ของทางเพจ ซึ่งเหมาะสำหรับเวลาคุณพ่อค้าแม่ค้าจัดงานนอกสถานที่ เพราะลูกค้าสามารถกดเข้าร่วม (Join) ได้เลย การโฆษณาแบบนี้ มีจุดประสงค์ชัดเจนเลยว่าเพื่อให้คนรับรู้ว่ามีงานอีเว้นท์และให้ลงชื่อเข้าร่วม ถ้าคุณพ่อค้าแม่ค้าจะลงโฆษณาแบบนี้ อย่าลืมเลือกสถานที่ให้จำกัดอยู่แค่ในประเทศและจังหวัดที่จัดเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ลดการเสียค่าใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองด้วยนะคะ

 

 

3.2 ข้อเสนอ
แสดงที่: แถบขวามือของเฟสบุ๊ค, หน้าฟีด, มือถือ

Ads-Type-offer

 

โฆษณาแบบนี้เป็นโฆษณาการจัดโปรโมชั่นของร้านค้า แต่การจะสร้างโฆษณาแบบนี้ได้มีข้อแม้ว่าเพจของคุณพ่อค้าแม่ค้าจะต้องมีคนกดไลค์ไม่ต่ำกว่า 50 คนนะคะ เมื่อคุณพ่อค้าแม่ค้าสร้างข้อเสนอเรียบร้อยแล้วทางเฟสบุ๊คก็จะสร้างโพสต์ที่มีหน้าตาเหมือนในรูปประกอบ เมื่อลูกค้ากดที่ปุ่มเพื่อรับข้อเสนอจากคุณ เขาจะได้รับอีเมลที่บอกรายละเอียดและกติกาของข้อเสนอที่คุณพ่อค้าแม่ค้าสร้างขึ้นค่ะ

 

 

 

สรุป: โฆษณาสามแบบที่พิมเพลินชอบที่สุด และคิดว่าเหมาะกับร้านค้าออนไลน์สุดคือ
1. โฆษณาแบบหมุนสำหรับโชว์สินค้าหลายชิ้น (ลงแค่ 1 แคมเปญแล้วเลือกให้โชว์นานๆ)
2. โฆษณาแบบโพสต์ที่มีทั้งรูปภาพและข้อความ (ลงเรื่อยๆ เวลาที่มีสินค้าใหม่เข้าร้าน)
3. โฆษณาแบบข้อเสนอ (ลงเป็นครั้งคราว ตามเวลาที่คุณพ่อค้าแม่ค้าจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย)

 

โดยงบโฆษณาปกติพิมเพลินจะตั้งให้เป็นขั้นต่ำคือวันละ 30 บาทค่ะ หลังจากนั้น พิมเพลินก็จะคอยติดตามผลการตอบรับจากลูกค้า เพื่อนำเอามาปรับเปลี่ยนเทคนิคและวิธีการลงโฆษณาค่ะ ถ้าคุณพ่อค้าแม่ค้าอ่านบทความเกี่ยวกับโฆษณาเป็นครั้งแรกแล้วยังไม่เข้าใจ ลองดูบทความอื่นๆ ใน 365 Town ก่อนได้นะคะ พิมเพลินเคยเขียนวิธีการลงโฆษณามาหลายแบบแล้ว แต่ถ้ายังไม่พร้อมจะอ่านเทคนิคการขายและเทคนิคการตลาดออนไลน์อื่นๆ ก่อนก็ได้เหมือนกันค่ะ 🙂

 

หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี

หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ทำไมเราถึงฟรี? หรือ ความปลอดภัยขั้นสูงสุด

Html the onion's take on essay helper online https://eduessayhelper.org pros and cons of standardized testing
(Visited 7,256 times, 1 visits today)
Pimploen


This entry has 0 replies

Comments are closed.